วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีจังหวัดแม่ฮ่องสอน

ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีจังหวัดแม่ฮ่องสอน


  งานประเพณีแห่จองพารา




 เป็นประเพณีออกพรรษาหรืองานปอยเหลินสิบเอ็ด จัดขึ้นในวันขึ้น13-14 ค่ำ เดือนสิบเอ็ดจะมีงานตลาดนัดทั้งวันทั้งคืน เพื่อให้ชาวบ้านไปจับจ่ายเตรียมไปทำบุญที่วัดในวันขึ้น 15 ค่ำ ซึ่งในวันนั้นมีการตักบาตรเทโว การแห่จองพารา หรือปราสาทรับเสด็จพระพุทธเจ้า
             ในเทศกาลนี้ ชาวไทยใหญ่นิยมตกแต่งซุ้มประตูหน้าบ้าน หรือระเบียงชั้นบนของบ้านด้วย จองพารา งานเทศกาลจองพารานี้เป็นความเชื่อด้านศาสนาของชาวไทยใหญ่ ถือเป็นการเฉลิมฉลองต้อนรับพระพุทธเจ้าที่จะเสด็จกลับลงสู่โลก หลังจากที่เสด็จขึ้นไปจำพรรษาในสวรรค์ในช่วงเข้าพรรษา จองพารานี้จะมีขึ้นในช่วงเทศกาลออกพรรษา จองพารา เป็นเครื่องตกแต่งไม้ใผ่สาน ต่อกันเป็นรูปลักษณะหลังคาวัดย่อส่วน ที่มีมุขต่อขึ้นไปหลายๆ ชั้น ภายใน จองพารา ตกแต่งด้วย ไฟ ธงหลากสีสรร ข้าวเปลือก ข้าวสาร และธูปเทียน ดอกไม้ที่สวยงาม นอกจากนี้ยังมีขวนแห่จองพารา ซึ่งจัดขึ้นทุกปีในเขตเทศบาลเมืองแม่ฮ่องสอน มีการแห่ขบวนจองพาราขนาดใหญ่ ในขบวนแห่ มีการละเล่น เช่น การฟ้อนนก ฟ้อนโต และการฟ้อนต่างๆ ของชุมชน เป็นริ้วขบวนที่สวยงาม งานประเพณีแห่จองพารานี้ จัดขึ้นทุกปี ขอรายละเอียดได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย แม่ฮ่องสอน หรือสำนักงานเทศบาลแม่ฮ่องสอน

งานประเพณีปอยส่างทอง หรืองานบวชลูกแก้ว


เป็นประเพณีตามธรรมเนียมชาวไทยใหญ่ซึ่งถือได้ว่า กุศลแรงกว่าการบวชพระ จัดให้มีขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ตรงกับปิดเทอมฤดูร้อน โดยชาวบ้านจะตกลงกันกำหนดวันนัดหมายให้ลูกหลานได้บวชเรียนพร้อมๆกัน โดยผู้ที่จะบวชเณรจะมีการแต่งกายด้วยเครื่องประดับมีค่าอย่างสวยงาม และประกอบพิธีบวชที่วัดก้ำก่อ ตรงข้ามทางขึ้นพระธาตุดอยกองมู

งานเทศกาลดอกบัวตอง 

 จัดขึ้นประมาณเดือนพฤศจิกายนของทุกปี “ดอกบัวตอง” เป็นดอกไม้ป่าสีเหลืองคล้ายดอกทานตะวันแต่ขนาดเล็กกว่ามักขึ้นอยู่ตามป่าเขาสูงทางตอนเหนือของประเทศไทย ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนจะมีมากที่บริเวณบ้านแม่เหาะ อำเภอแม่สะเรียงและดอยแม่อูคอ อำเภอขุนยวม เมื่อถึงระยะที่ดอกบัวตองบานตามริมเส้นทางตลอดจนภูเขาที่สลับซับซ้อนกันอยู่นั้นจะเป็นสีเหลืองสว่างไสวไปด้วยสีของดอกบัวตองดูงดงามมาก จังหวัดแม่ฮ่องสอนจึงได้จัดงานเทศกาลบัวตองบานขึ้นเพื่อเป็นการชมความงามของธรรมชาติ และชมวัฒนธรรมประเพณีของชาวไต และชาวไทยภูเขา โดยจะจัดที่บริเวณอำเภอขุนยวมในงานมีการละเล่นและมหรสพทั้งของพื้นเมืองและร่วมสมัยมีการประกวดธิดาบัวตอง การแสดงศิลปวัฒนธรรมชาวไทยภูเขา การแสดงสินค้าพื้นเมือง การแข่งขันกีฬาชาวดอย ฯลฯ ตลอดจนนิทรรศการต่างๆ และการนำเที่ยวชมดอกบัวตองบนดอยแม่อูคอ

งานเมืองสามหมอก 

 จัดขึ้นทุกปีระหว่างวันที่ 1-7 กุมภาพันธ์ มีการออกร้านจากหน่วยงานราชการ เอกชนและองค์กรต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่ผลงานของแต่ละหน่วยงานรวมทั้งการแสดงมหรสพรื่นเริง เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนในท้องถิ่นได้รับความเพลิดเพลินกับกิจกรรมต่างๆในงานหลังจากที่ได้ตรากตรำกับการทำงานมาตลอดปี นอกจากนี้ ในงานยังจัดให้มีการแสดงของชาวเขาเผ่าต่างๆ ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนเพื่อให้งานมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น


งานเทศกาลชิมชาบ้านรักไท 


 จัดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ บริเวณหมู่บ้านรักไท หมู่ 6 ตำบลหมอกจำแป๋ อำเภอเมือง หมู่บ้านรักไทเป็นหมู่บ้านชายแดน อยู่ในความควบคุมของกองทัพภาคที่ 3 ราษฏรมีอาชีพปลูกชาเป็นหลักมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศเดินทางขึ้นไปเที่ยวเป็นจำนวนมาก การจัดงานเทศกาลชิมชานี้เพื่อเป็นการสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกชาและส่งเสริมการท่องเที่ยวของหมู่บ้าน ภายในงานมีการขี่ม้ารอบหมู่บ้าน เที่ยวชมธรรมชาติ ชิมชาชั้นดี ชมการแสดงจากชาวจีนยูนาน และการละเล่นพื้นบ้าน


 งานประเพณีสิบสองมนล่องผ่องไต


 ประเพณีลอยกระทงไทยใหญ่ เป็นประเพณีเก่าแก่ของชาวไตซึ่งเป็นชุมชนดั้งเดิมของจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีคติความเชื่อว่าเป็นการจัดขึ้นเพื่อเป็นพุทธบูชา และบูชาพระอุปคุต 8 องค์ หรือพระอรหันต์ตามความเชื่อของชาวไตโบราณ ซึ่งเชื่อว่าพระอรหันต์ทั้ง 8 องค์นี้ มี 4 องค์ที่มรณภาพแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 4 องค์ยังคงปฏิบัติธรรมอยู่ในกลางมหานพ และทุกวันเพ็ญเดือน 12 พระอรหันต์ทั้ง 4 จะเวียนขึ้นมาโปรดสัตว์และเผยแพร่พระพุทธศาสนา โดยชาวไตจะถวายอัฐบริขารต่างๆอันเป็นประเพณีสืบต่อจากประเพณีจองพาราซึ่งทำ ถวายพระพุทธเจ้า โดยจะบูชาพระอุปคุตและลอยสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆลงในลำน้ำเพื่อเป็นการให้ ทานและถวายเป็นพุทธบูชา



แหล่งที่มา

แหล่งท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน

10 ที่เที่ยวยอดนิยม เมื่อมาเยือนแม่ฮ่องสอน


1. วัดพระธาตุดอยกองมู แม่ฮ่องสอน


ข้อมูล : ตั้งอยู่บนดอยกองมูทางทิศตะวันตกของตัวเมืองแม่ฮ่องสอน วัดนี้เดิมมีชื่อเรียกว่า วัดปลายดอย เป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญ ประกอบด้วยพระธาตุเจดีย์ที่สวยงาม 2 องค์ จากวัดพระธาตุดอยกองมูนี้สามารถมองเห็นภูมิประเทศและสภาพตัวเมืองแม่ฮ่องสอนได้อย่างชัดเจนและสวยงามมาก วัดนี้มีงานเทศกาลประจำปีหลายงาน เช่น ในวันปีใหม่ วันสงกรานต์ โดยเฉพาะในวันออกพรรษาจะมีการตักบาตรดาวดึงส์ หรือตักบาตรเทโวโรหนะด้วยระยาสิงหนาทราชาขึ้นไปทางซ้ายมือ เป็นทางลาดยางขึ้นภูเขาไปอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตรถึงบริเวณวัด วัดนี้เดิมมีชื่อเรียกว่า วัดปลายดอย เป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญ ประกอบด้วยพระธาตุเจดีย์ที่สวยงาม 2 องค์ จากวัดพระธาตุดอยกองมูนี้สามารถมองเห็นภูมิประเทศและสภาพตัวเมืองแม่ฮ่องสอนได้อย่างชัดเจนและสวยงามมาก วัดนี้มีงานเทศกาลประจำปีหลายงาน เช่น ในวันปีใหม่ วันสงกรานต์ โดยเฉพาะในวันออกพรรษาจะมีการตักบาตรดาวดึงส์ หรือตักบาตรเทโวโรหนะด้วย
ที่ตั้ง : อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัด แม่ฮ่องสอน
การเดินทาง :เดินทางโดยแยกจากทางหลวงหมายเลข 108 บริเวณอนุสาวรีย์พตั้งอยู่บนดอยกองมูทางทิศตะวันตกของตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เดินทางโดยแยกจากทางหลวงหมายเลข 108 บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสิงหนาทราชาขึ้นไปทางซ้ายมือ เป็นทางลาดยางขึ้นภูเขาไปอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตรถึงบริเวณวัด


2. ทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอ แม่ฮ่องสอน


ข้อมูล : ทุ่งบัวตองดอยแม่อูคอ มีพื้นที่ครอบคลุมเป็นเขากว้างประมาณ 1 พันไร่ อยู่ในความรับผิดชอบของโครงการพัฒนาป่าไม้ที่สูง หน่วยที่ 5 กองอนุรักษ์ต้นน้ำ ดอกบัวตองที่นี่เมื่อบานพร้อมๆ กันในช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม จะเหลืองอร่ามปกคลุมทั่วทั้งภูเขา มีความสวยงามมาก
ที่ตั้ง : ทางหลวงชนบท มส. 4009 ตำบล ขุนยวม จังหวัด แม่ฮ่องสอน
เวลาเปิด – ปิด : เปิดบริการทุกวัน
การเดินทาง : เส้นทางหมายเลข 108 (แม่ฮ่องสอน - ขุนยวม) ก่อนถึงตัวอำเภอประมาณ 1 กิโลเมตร มีทางแยกซ้ายตามทางหลวงสาย 1263 เข้าสู่ทุ่งบัวตองอีก 26 กิโลเมตร

3. อุทยานแห่งชาติสาละวิน แม่ฮ่องสอน


ข้อมูล : อุทยานแห่งชาติสาละวิน มีสภาพป่าไม้สมบูรณ์ ทิวทัศน์และลักษณะทางธรรมชาติที่สวยงาม ซึ่งแต่เดิมเป็นป่าสงวนแห่งชาติ "ป่าสาละวิน" ตั้งอยู่ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ในเขตอำเภอสบเมย และ อำเภอแม่สะเรียง มีพื้นทีทั้งหมด 450,950 ไร่ (721.25 ตารางกิโลเมตร) มีพื้นที่ติดชายแดนระหว่างประเทศไทย และ ประเทศพม่า หลังจากรัฐบาลได้ยกเลิกสัมปทานป่าไม้แล้ว ได้ประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติสาละวิน เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2537 อุทยานแห่งชาติสาละวิน
ที่ตั้ง : อ. แม่สะเรียง จ. แม่ฮ่องสอน 58110
โทรศัพท์ : 053-071-429
การเดินทาง : ใช้เส้นทางตามทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1194 ระยะประมาณ 4 กิโลเมตร แล้วเข้าทางแยกขวามือไปตามทางอีก 4 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติ

4. หมู่บ้านรักไทย (แม่ออ) แม่ฮ่องสอน


ข้อมูล : บ้านรักไทย หรือ “บ้านแม่ออ” เป็นหมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขา ซึ่งอยู่ติดชายแดนไทย-พม่า แวดล้อมไปด้วยทิวเขาและพันธุ์ไม้ต่างๆ อาทิ พืชเมืองหนาว จึงทำให้หมู่บ้านแห่งนี้มีวิวทิวทัศน์สวยงาม แต่ในปัจจุบันบ้านรักไทยกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างชาติ บ้านรักไทยขึ้นชื่อในเรื่องของการปลูกชาพันธุ์ดี เช่น ชาชิง ชิง ชาอู่หลง นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังสามารถสัมผัสวิถีชีวิตและวัฒธรรมของชาวจีนฮ่อ ไม่ว่าจะเป็นภาษาพูด ภาษาเขียน รวมถึงสภาพความเป็นอยู่ที่ยังคงสืบทอดประเพณีมาถึงปัจจุบัน
ที่ตั้ง : หมู่ที่ 6 ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน
โทรศัพท์ : 053-612-813
เวลาเปิด – ปิด : เปิดบริการทุกวัน
การเดินทาง : ใช้เส้นทางแม่ฮ่องสอน – ปาย (1095) ออกจากตัวแม่ฮ่องสอน ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร สังเกตป้ายบอกทางไปภูโคลน ต่อจากนั้นให้เลี้ยวซ้ายเข้าไป ระยะทางจากปากทาง – บ้านรักไทย ประมาณ 29 กิโลเมตร เมื่อเลี้ยวซ้ายเข้าไปแล้ว ก็ให้ขับตรงไปเรื่อยๆ เส้นทางจะผ่านภูโคลน น้ำตกผ่าเสื่อ พระตำหนักปางตอง ทางจะเป็นทางขึ้นเข้าชันมีโค้งหักศอกพอสมควร เส้นทางนี้จะเลยบ้านรวมไทย ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร ก็จะถึงบ้านรักไทย

5. ปางอุ๋ง แม่ฮ่องสอน


ข้อมูล : ปางอุ๋ง หรือ โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) เป็นโครงการในพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเห็นว่าพื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่อันตราย อยู่ติดแนวชายแดนพม่ามีกองกำลัง ต่างๆ มีการขนส่ง ปลูกพืชเสพติด รวมไปถึงการบุกรุกพื้นที่ตัดไม้ทำลายป่าอยู่เสมอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระราชินีนาถจึงมีพระราชดำริให้รวบรวมราษฎรกลุ่มน้อยบริเวณนั้น และ พัฒนาความเป็นอยู่ ส่งเสริม อาชีพปลูกป่า สร้างอ่างเก็บน้ำ โดยมีพระราชประสงค์สร้างความมั่นคงแนวชายแดน พัฒนาความเป็นอยู่ของ ราษฎร ให้ดีขึ้นและฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้สมบูรณ์ยั่งยืนตลอดไป
ที่ตั้ง : ทางหลวงชนบท มส. 5001 เมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัด แม่ฮ่องสอน
โทรศัพท์ : 053-611-244
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน
การเดินทาง : จากกรุงเทพ ใช้เส้นทางกรุงเทพ-ฮอด ผ่านอยุธยา-นครสวรรค์-ตาก - ลี้ - ฮอด - แม่สะเรียง - ขุนยวม เข้าสู่ ตัวเมืองแม่ฮ่องสอนขับไปเรื่อย ๆ ผ่านน้ำตกผาเสื่อ ผ่านพระตำหนักปางตอง เข้าสู่บ้านหมอกจำแป๋ หมู่บ้านใหญ่เป็นจุดแยก ซ้ายไปปางอุ๋ง ขวาไปถ้ำปลา (ระยะทางไปถ้ำปลา แค่ 3 ก.ม.)เลี้ยวซ้ายจากนี้ไป หนทางคดโค้ง ไต่เขาชันขึ้นเรื่อยๆ มาถึง บ้านนาป่าแปก หมู่บ้านรวมมิตรที่จะเห็นชาวบ้าน ทั้งกระเหรี่ยงและไทยใหญ่ แต่งกายเป็นเอกลักษณ์ เลี้ยวซ้ายเข้า หมู่บ้านรวมไทย ผ่านหมู่บ้านรวมไทย ก็เข้าถึงจุดหมายโครงการสวนป่าในพระราชดำริปางตอง 2 “ปางอุ๋ง” ทะเลสาบสวย แต่ถ้าตรงไปเป็น หมู่บ้านรักไทย หมู่บ้านของชาวจีน จากกองพล 93

6. พระตำหนักปางตอง แม่ฮ่องสอน



ข้อมูล : พระตำหนักปางตอง หรือ “ศูนย์บริการและพัฒนาที่สูงปางตองตามพระราชดำริ”ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2523 ตั้งอยู่ในเขตตำบลหมอกจำแป่ เมืองแม่ฮ่องสอน โดยเป็นศูนย์บริการและพัฒนาแห่งที่สองของโครงการพัฒนาตามพระราชดำริ จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีพื้นที่ทั้งหมด 5,353 ไร่ โดยใช้เป็นสถานที่สำหรับการทดลองค้นคว้าวิจัย และ สาธิตชาวไทยภูเขาในพื้นที่สูง ได้แก่ บ้านปางตอง, บ้านนาป่าแปก ,บ้านห้วยมะเขือส้ม
ที่ตั้ง : อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัด แม่ฮ่องสอน
เวลาเปิด – ปิด : 08.30 - 16.30 น
การเดินทาง : ใช้เส้นทางสายแม่ฮ่องสอน – ปาย (ทางหลวงหมายเลข 1095) ถึงกิโลเมตรที่ 10 (ก่อนถึงเมืองแม่ฮ่องสอน)เลี้ยวซ้ายไปยังบ้านหมอกจำแป่ ตรงขึ้น เขาไปเรื่อยๆก็เจอหากมาจากอำเภอปายใช้ เส้นทางจากปาย ผ่านอำเภอปางมะผ้า และอำเภอเมือง ก่อนถึง ตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ประมาณ 17 กิโลเมตร (ผ่านถ้ำปลา) แล้วเลี้ยวขวาเข้าหมู่บ้านหมอกจำแป่

7. วนอุทยานถ้ำปลา แม่ฮ่องสอน


ข้อมูล : วนอุทยานถ้ำปลา ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ ตำบลห้วยผา จังหวัดแม่ฮ่องสอน บริเวณโดยรอบเป็นลำธารและป่าเขา ถ้ำปลาตั้งอยู่บริเวณเชิงเขามีลักษณะเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ กว้างประมาณ 2 เมตร ลึก 1.50 เมตร ภายในแอ่งน้ำมีน้ำไหลออกจากถ้ำใต้ภูเขาอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นสถานที่ที่มีความพิเศษ แตกต่างไปจากสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ เนื่องจากว่าภายในถ้ำมีความมหัศจรรย์อยู่อย่างหนึ่ง ก็คือ บรรดาหมู่ปลาจำนวนมากที่มาอยู่อาศัยในถ้ำแห่งนี้
ที่ตั้ง : ห้วยผา ต.ห้วยผา จ.แม่ฮ่องสอน
เวลาเปิด-ปิด : 06.00-19.00 น.
การเดินทาง : ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1095 (แม่ฮ่องสอน-ปาย)

8. หมู่บ้านกะเหรี่ยงบ้านในสอย แม่ฮ่องสอน


ข้อมูล : หมู่บ้านกะเหรี่ยงบ้านในสอย เป็นอีกหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวยอดนิยม เดินทางสะดวกรถเข้าถึง อยู่ห่างจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนไป 33 กิโลเมตร ชาวกะเหรี่ยงบ้านในสอยอพยพมาจากบ้านน้ำเพียงดิน เมื่อคราวที่ชายแดนไม่สงบ เช่นเดียวกัน ที่นี่จำหน่ายของที่ระลึกจากงานฝีมือเหมือนหมู่บ้านกะเหรี่ยงอื่น ๆ ด้วย
ที่ตั้ง : บ้านในสอย ต.ปางหมู ห่างจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน 33 กม.
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน
การเดินทาง : ใช้ทางหลวงหมายเลข 1095 ไปทาง อ.ปางมะผ้า ประมาณ 2 กม. เมื่อถึงหลัก กม. 206 มีทางแยกซ้ายมือเยื้องกับสถานีพัฒนาที่ดินแม่ฮ่องสอน มีป้ายบอกทางไปบ้านในสอย ผ่านบ้านขุนกลาง ถนนเลียบแม่น้ำปายประมาณ 2 กม. จะตัดกับ ถ.อ้อมเมืองตัดใหม่ ให้ตรงไป ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำปาย จากนั้นเป็นสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายไปบ้านในสอยอีก 11 กม. ผ่านวัดในสอย ถนนลาดยางไปสิ้นสุดที่ด่านตรวจบ้านในสอยจากนั้นเป็นทางดินอีก 2 กม.

9. อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง แม่ฮ่องสอน


ข้อมูล : อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอแม่แตง อำเภอเชียงดาว อำเภอเวียงแห ง จังหวัดเชียงใหม่ และ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีสภาพป่าและธรรมชาติที่สมบูรณ์ ภูเขาสูงชันสลับซับซ้อน เป็นป่าต้นน้ำ ลำธาร มีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามและจุดชมวิวที่สามารถชมบรรยากาศอันร่มรื่น โดยเฉพาะบริเวณห้วยน้ำดัง ที่มีชื่อว่าทะเลหมอกที่งดงามยิ่ง เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศไปเที่ยวชมความงามเป็นจำนวนมาก 1,252.12 ตารางกิโลเมตร หรือ 782,575 ไร่ และได้จัดตั้งเป็น "อุทยานแห่งชาติห้วยนำดัง" เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2538 เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 81
ที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง หมู่ที่ 5 ต.กึ๊ดช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ 50300 (มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอแม่แตง อำเภอเชียงดาว อำเภอเวียงแห ง จังหวัดเชียงใหม่ และ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน)
โทรศัพท์ : 0 5347 1669
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน
การเดินทาง : เส้นทางหลวงหมายเลข 107 และเข้าทางแยกซ้ายมือที่ตลาดแม่มาลัย (อำเภอแม่แตง) ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1095 (สายแม่-มาลัยปาย) จนถึงช่วงหลักกิโลเมตรที่ 65-66 มีทางแยกขวามือซึ่งมีป้อมยามตั้งอยู่ทางเข้าถึงบริเวณ ห้วยน้ำดัง ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร

10. ปาย แม่ฮ่องสอน


ข้อมูล : อำเภอปายเป็นเมืองเก่าแก่ ประชากรที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในดินแดนแห่งนี้มาแต่เดิมคือชาวพ่ายหรือไปร ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ใช้ภาษาตระกูลออสโตร-เอเชียติก สาขาว้า-เรียง ดังมีร่องรอยหลักฐานซากวิหารและเจดีย์กระจายอยู่ทั่วไปทั้งบนภูเขาสูง ที่ดอนเชิงเขา บริเวณพื้นราบลุ่มน้ำปาย บางแห่งก่อสร้างด้วยหิน เช่น ในผืนป่าบริเวณใกล้น้ำตกเอิกเกอเต่อ ซึ่งเป็นต้นน้ำแม่ปิงน้อย บางแห่งมีการขุดคูเป็นร่องลึกบนภูเขาสูงชัน มีเจดีย์บนยอดเขา
ที่ตั้ง : ถนนราษฎร์ดำรง ตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน 58130
เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้บริการทุกวัน
การเดินทาง : ใช้เส้นทางหลวง 107 ผ่านแม่ริมจนถึงอำเภอแม่แตง ผ่านแยกแม่มาลัยเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวง 1095 สู่ถนน เส้นแม่มาลัย-ปาย ผ่านโป่งเดือดป่าแป๋ ห้วยน้ำดัง ระยะทางประมาณ 103 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง


แหล่งที่มา

ตราสัญลักษณ์ คำขวัญ และแผนที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน

ตราสัญลักษณ์ คำขวัญ 

และแผนที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน





คำขวัญประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน

หมอกสามฤดู กองมูเสียดฟ้า ป่าเขียวขจี ผู้คนดีประเพณีงาม ลือนามถิ่นบัวตอง


แผนที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน



        แหล่งที่มา


ประวัติความเป็นมาของจังหวัดแม่ฮ่องสอน

ประวัติความเป็นมาของจังหวัดแม่ฮ่องสอน

        แต่เดิมนั้นบริเวณที่ตั้งเมืองแม่ฮ่องสอนปัจจุบันนี้ เป็นเพียงสถานที่ที่มีผู้คนมาปลูกกระท่อมอาศัยอยู่ บริเวณที่ราบริมเชิงเขา เป็นทำเลที่เหมาะสำหรับการเพาะปลูกมาก ผู้คนที่อาศัยตามที่ราบมักจะเป็นชาวไทยใหญ่ ส่วนผู้คนที่อาศัยอยู่บนดอยมักจะเป็นกะเหรี่ยง ลัวะ และมูเซอ บริเวณนี้อยู่ห่างจากแม่น้ำคง (แม่น้ำสาละวิน) ประมาณ 40 กิโลเมตร และมีอาณาเขตติดกับรัฐฉาน ประเทศพม่า ต่อมาเมื่อประมาณ พ.ศ. 2374 สมัยเจ้าหลวงพุทธวงศ์ เป็นพระเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ และต้องการช้างป่าไว้ใช้งาน จึงให้เจ้าแก้วเมืองมา ซึ่งเป็นญาติพร้อมด้วยกำลังช้างต่อหมอควาญออกเดินทางไปสำรวจและไล่จับช้างป่ามาฝึกใช้งาน เจ้าแก้วเมืองมาจึงยกกระบวนเดินทางรอนแรมจากเชียงใหม่ผ่านไปทางเมืองปาย ใช้เวลาหลายคืนจนบรรลุถึงป่าแห่งหนึ่ง ทางทิศใต้ริมฝั่งแม่น้ำปาย เป็นป่าดงว่างเปล่าและเป็นดินโป่งที่มีหมูป่าลงมากินโป่งชุกชุม เจ้าแก้วเมืองมาพิจารณาเห็นว่า ที่แถวนี้เป็นทำเลที่ดี น้ำท่าบริบูรณ์สมควรที่จะตั้งเป็นหมู่บ้าน จึงหยุดพักอยู่ ณ ที่นี้ และเรียกผู้คนที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมห้วย ริมเขาซึ่งเป็นชาวไทใหญ่ และกะเหรี่ยง (ยางแดง) มาประชุม ชี้แจงให้ทราบถึงความคิดที่จะตั้งบริเวณนี้ขึ้นเป็นหมู่บ้าน และบุกเบิกที่ดินที่เป็นไร่นาที่ทำมาหากินต่อไป และเจ้าแก้วเมืองมาแต่งตั้งให้ชาวไทใหญ่ผู้หนึ่งซึ่งเป็นคนเฉลียวฉลาดและมีความรู้ดีกว่าคนอื่นในหมู่บ้าน ชื่อว่า “ พะกาหม่อง ” ให้เป็น “ ก๊าง ” ( คือตำแหน่งนายบ้านหรือผู้ใหญ่บ้าน) มีหน้าที่คอยควบคุมดูแล และให้คำแนะนำพวกลูกบ้านใน การดำเนินการต่อไป พะกาหม่องได้เป็นผู้ชักชวนเกลี้ยกล่อมพวกที่อยู่ใกล้เคียง ให้ย้ายมาอยู่รวมกัน แล้วตั้งชื่อหมู่บ้านนั้นว่า “บ้านโป่งหมู” โดยถือเอาว่าที่โป่งนั้น มีหมูป่าลงมากินโป่งมากนั่นเอง ปัจจุบันหมู่บ้านนี้ เรียกว่า “บ้านปางหมู” อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอประมาณ 6 กิโลเมตร (สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน 254 8 : 48-4 9)
เมื่อจัดตั้งหมู่บ้านแล้ว เจ้าแก้วเมืองมาก็ยกขบวนออกเดินทางตรวจชายแดน และคล้องช้างป่าต่อไป จนถึงลำห้วยแห่งหนึ่ง มีรอยช้างป่าอยู่มากมาย ก็หยุดคล้องช้างป่าได้หลายเชือก แล้วให้ตั้งคอกสอนช้างในร่องห้วย ริมห้วยนั้นเป็นพื้นที่ราบกว้างขวางพื้นดินดีกว่าบ้านโป่งหมูและมีชาวไทใหญ่ตั้งกระท่อมอยู่เป็นอันมาก เจ้าแก้วเมืองมาพิจารณาเห็นว่า เป็นทำเลที่เหมาะสมพอที่จะตั้งเป็นหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง จึงเรียกชาวไทใหญ่อีกคนหนึ่งซึ่งเป็นบุตรเขยของพะกาหม่อง ชื่อ “ แสนโกม ” มาแนะนำชี้แจงแต่งตั้งให้เป็นก๊าง ให้เป็นหัวหน้าเกลี้ยกล่อมผู้คนให้มาอยู่รวมกัน จนกลายเป็นหมู่บ้านใหญ่ เจ้าแก้วเมืองมาตั้งชื่อหมู่บ้านนั้นว่า “ บ้านแม่ฮ่องสอน ” ซึ่ง ฮ่อง ในภาษาล้านนา คือ ร่อง โดยอาศัยที่ร่องน้ำนั้น เป็นคอกที่ฝึกสอนช้างป่า เมื่อเจ้าแก้วเมืองมาคล้องช้างป่าได้พอสมควรแล้วก็เดินทางกลับเมืองเชียงใหม่ แล้วกราบทูลให้พระเจ้ามโหตรประเทศ ทราบ (สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน 254 8 :4 9)
เมื่อเจ้าแก้วเมืองมากลับนครเชียงใหม่แล้วพะกาหม่องและแสนโกมบุตรเขยก็ได้พยายามชักชวนผู้คนที่อยู่ใกล้เคียง ให้อพยพครอบครัวมาตั้งบ้านเรือนอยู่ทำมาหากินจนแน่นหนาขึ้นเป็นหมู่บ้านใหญ่ และต่อมาเห็นว่าบริเวณนั้นมีไม้สักมาก พะกาหม่องและแสนโกม เห็นว่าหากตัดเอาไม้สักนั้นไปขายประเทศพม่าโดยใช้วิธีชักลากลงลำห้วย แล้วปล่อยให้ไหลลงแม่น้ำคง(แม่น้ำสาละวิน) ก็คงได้เงินมาช่วยในด้านเศรษฐกิจและการบำรุงบ้านเมือง เมื่อปรึกษาหารือกันดีแล้วพะกาหม่องและแสนโกม จึงเดินทางเข้ามาเฝ้าพระเจ้ามโหตรประเทศฯ ที่นครเชียงใหม่ กราบทูลขออนุญาตตัดฟันชักลากไม้ไปขายแล้วจะแบ่งเงินค่าตอบแทนถวายตลอดปี พระเจ้ามโหตรประเทศฯก็ทรงอนุญาต พะกาหม่องและแสนโกม จึงทูลลากลับ และเริ่มลงมือทำไม้ขอนสักส่งไปขายที่เมืองมะละแหม่ง ประเทศพม่าได้เงินมาก็เก็บแบ่งถวายพระเจ้ามโหตรประเทศทุกปี นอกนั้นก็ใช้ประโยชน์ส่วนตัวและบำรุงบ้านเมือง (สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน 254 8 :4 9)
ครั้นถึงพ.ศ. 2397 พระเจ้ามโหตรประเทศฯถึงแก่พิลาลัย เจ้ากาวิโลรสซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าหัวเมืองแก้วได้เป็นเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่แทน ทรงนามว่า “ พระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ ” ใน พ.ศ. 2399 พะกาหม่อง และแสนโกม ก็ยังคงทำป่าไม้และส่งเงินไปถวายทุกปี พะกาหม่องกับแสนโกมจึงมีฐานะดีขึ้น และหมู่บ้านโป่งหมูและบ้านแม่ฮ่องสอนก็เจริญขึ้นตามลำดับ ในครั้งนั้นหัวเมืองไทใหญ่ตามแถบตะวันตกฝั่งแม่น้ำคง(แม่น้ำสาละวิน) เกิดการจลาจลเกิดรบราฆ่าฟัน จึงมีชาวไทใหญ่อพยพครอบครัวเข้ามาอาศัยอยู่ที่บ้านปางหมูหรือโป่งหมู และบ้านแม่ฮ่องสอนมากขึ้น บางพวกก็ลงไปอาศัยอยู่ที่บ้านขุนยวม (หมู่บ้านไทใหญ่บนเขา) บางพวกอพยพเลยขึ้นไปทางเหนือ ไปอยู่ที่เมืองปาย กลุ่มพวกไทใหญ่ที่อพยพเข้ามานี้ มีผู้หนึ่งชื่อว่า “ ชานกะเล ” เป็นชาวเมืองจ๋ามกา เป็นคนขยันขันแข็งชานกะเลเข้ามาอาศัยที่บ้านปางหมู และช่วยพะกาหม่องทำไม้ด้วยความซื่อสัตย์ และตั้งใจทำงานโดยไม่เห็นแก่เหนื่อยยาก พะกาหม่องไว้วางใจและรักใคร่มาก ถึงกับยกลูกสาวชื่อนาง ใส ให้เป็นภรรยา นางใส มีบุตรกับชานกะเลคนหนึ่งชื่อนางคำ (สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน 254 8 : 49-50)
กาลเวลาผ่านไปหมู่บ้านปางหมู และบ้านแม่ฮ่องสอนก็มีผู้คนมาอาศัยหนาแน่นยิ่งขึ้น และในปี พ.ศ. 2409 นั่นเอง มีเหตุการณ์สำคัญที่ชักนำเอาบุคคลสำคัญของชาวไทใหญ่ให้มาอพยพอยู่ในแม่ฮ่องสอนอีกคือเจ้าฟ้าเมืองนายมีเรื่องขัดเคืองกับ เจ้าฟ้าโกหล่านเจ้าเมืองหมอกใหม่ จึงได้ยกทัพมาตีเมืองหมอกใหม่แตก เจ้าฟ้าโกหล่านเจ้าเมืองหมอกใหม่จึงพาครอบครัวอพยพเข้ามาอาศัยอยู่กับแสนโกมที่บ้านแม่ฮ่องสอน เจ้าฟ้าโกหล่านมีภรรยาชื่อ นาง เกี๋ยง มีบุตรชายชื่อ เจ้าขุนหลวง มีหลาน 4 คนเป็นชาย 1 หญิง 3 ชายชื่อ ขุนแจหญิงชื่อ เจ้าหอม เจ้านางนุ เจ้านางเมี้ยะ เมื่อเจ้าฟ้าโกหล่านมาอาศัยอยู่ด้วย แสนโกมได้มีหนังสือทูลให้พระเจ้ากาวิโลรสฯ ทราบพระเจ้ากาวิโลรสฯ จึงรับสั่งให้ส่งตัวเข้าเฝ้า แต่เจ้าฟ้าโกหล่านป่วย จึงส่งเจ้าขุนหลวงบุตรไปแทน พระเจ้ากาวิโลรส โปรดเจ้าขุนหลวงทรงยกเจ้าอุบลวรรณาผู้เป็นหลานให้เป็นภรรยาอยู่กินด้วยกันที่เชียงใหม่ จนมีบุตรคนหนึ่งชื่อ เจ้าน้อยสุขเกษมและอนุญาตให้เจ้าฟ้าโกหล่านอาศัยอยู่ในเขตแดนต่อไป ต่อมานางใส ภรรยาของชานกะเลถึงแก่กรรม เจ้าฟ้าโกหล่านจึงทรงยกเจ้านางเมี๊ยะหลานสาวคนเล็กให้เป็นภรรยาของชานกะเล ชานกะเลได้ไปตั้งเมืองอยู่บนภูเขาอีกแห่งหนึ่งทางเหนือต้นแม่น้ำยวม เรียกว่า เมืองขุนยวม ต่อมาในปี พ.ศ. 2417 พระเจ้าอินทวิชยานนท์ฯ ทรงแต่งตั้งให้ ชานกะเลเป็น “ พญาสิงหนาทราชา ” เป็นพ่อเมืองคนแรก และยกฐานะหมู่บ้านแม่ฮ่องสอนขึ้นเป็นเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นเมืองหน้าด่านต่อไป และยกเมืองปาย เมืองขุนยวมเป็นเมืองรอง (สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดแม่ฮ่องสอน 2549: 50)
พญาสิงหนาทราชา ได้ปกครองเมืองและพัฒนาเมืองแม่ฮ่องสอนให้เจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการขุดคูเมืองและสร้างประตูเมืองขึ้นอย่างมั่นคง จนถึง พ.ศ. 2427 พญาสิงหนาทราชาได้ถึงแก่กรรม เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ได้แต่งตั้งเจ้านางเมี๊ยะผู้เป็นภรรยาของพญาสิงหนาทเป็นเจ้านางเมวดีขึ้นปกครองแทน ชาวแม่ฮ่องสอนเรียกเจ้านางเมวดีว่า “ เจ้านางเมี๊ยะ ” โดยให้ปู่โทะ (พญาขันธเสมาราชานุรักษ์) เป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน ต่อมา พ.ศ. 2434 เจ้านางเมี๊ยะถึงแก่กรรม พระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ปกครองนครเชียงใหม่ จึงแต่งตั้งพญาขันธเสมาราชานุรักษ์ เป็นพญาพิทักษ์สยามเขต ให้ปกครองเมืองแม่ฮ่องสอน จนถึงพ.ศ. 2433 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระยาศรีสหเทพปลัดทูลฉลองกระทรวงมหาดไทยได้ตรวจราชการพื้นที่หัวเมืองมณฑลตะวันตกเฉียงเหนือจึงจัดระบบการปกครองใหม่เป็น รวมเมืองแม่ฮ่องสอน เมืองขุนยวม เมืองปาย และเมืองยวม (แม่สะเรียง) เป็นหน่วยเดียวกันเรียกว่า “ บริเวณเชียงใหม่ตะวันตก ” ตั้งที่ว่าการแขวง (เทียบเท่าเมือง) ที่เมืองขุนยวม โดยแต่งตั้งนายโหมดเป็นนายแขวง (แจ้งความเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 11 กรกฎาคม ร.ศ. 119 ) และในปีเดียวกันนี้เมืองเชียงใหม่ได้แต่งตั้งขุนหลู่บุตรของพญาพิทักษ์สยามเขต เป็นพญาพิศาลฮ่องสอนบุรี พ.ศ. 2446 ได้ย้ายที่ว่าการแขวงจากเมืองขุนยวม ไปตั้งที่เมืองยวมแล้วเปลี่ยนชื่อเป็น “ บริเวณพายัพเหนือ ” จนถึง ปี พ.ศ. 2556 พญาพิทักษ์สยามเขตถึงแก่กรรม เมืองเชียงใหม่จึงแต่งตั้ง พญาพิศาลฮ่องสอนบุรีขึ้นปกครองเมืองแทน พ.ศ. 2453 รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ตั้งเมืองจัตวาขึ้นกับมณฑลพายัพ ย้ายที่ว่าการแขวงจากเมืองยวมมาตั้งที่แม่ฮ่องสอนให้ชื่อว่า “ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ” แล้วโปรดเกล้าฯให้พระศรสุรราช (เปลื้อง) มาปกครองเมืองแม่ฮ่องสอน ถือว่าเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนคนแรก


แหล่งที่มา